วิตามินเคประโยชน์แบบอัดแน่นที่คุณควรรู้

วิตามินแต่ล่ะชนิดล้วนสำคัญต่อกลไกการทำงานในร่างกายของเรามากๆเลยนะ อย่าง วิตามินเค (Vitamin k) ร่างกายควรได้รับในปริมาณ 90 – 120 ไมโครกรัม ต่อวัน เพราะถ้าขาดวิตามินเค จะมีผลเสียต่อสุขภาพของเรามากมายเลยทีเดียว พบกับ “วิตามินเคประโยชน์แบบอัดแน่น” พร้อมแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเค

วิตามินเคประโยชน์แบบอัดแน่น

วิตามินเค (Vitamin k) ช่วยในเรื่องใดบ้าง ร่างกายควรได้รับวิตามินเคปริมาณเท่าไหร่ในแต่ล่ะวัน แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเคมีอะไรบ้าง ถ้าร่างกายขาดวิตามินเค จะมีผลเสียอย่างไร? มาส่องทุกเรื่องเกี่ยวกับวิตามินเคกันคะ  “วิตามินเคประโยชน์แบบอัดแน่นที่ทุกคนควรรู้”

วิตามินเคจำเป็นต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?

1 – ช่วยลดความดันโลหิต (Keep blood pressure lower)

วิตามินเคมีส่วนช่วยลดภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) พร้อมลดการสะสมของแร่ธาตุ (Mineralization ) ในหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงตามส่วนต่างๆได้อย่างสะดวก กระบวนการสะสมแร่ธาตุ (Mineralization) มักจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ รวมถึง โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) การรับประทานวิตามินเค (Vitamin k) ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคดั่งกล่าวได้

2 – ช่วยให้เลือดแข็งตัว (Blood clotting) เร็วขึ้น

วิตามินเคมีสารที่จำเป็นในการสร้างโปรธรอมบิน ( Prothrombin ) หรือ ไกลโคโปรตีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลไกการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดภาวะเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล หรือ ในภาวะที่ต้องมีการผ่าตัด หากร่างกายมีการสร้างโปรธรอมบิน ( Prothrombin ) ในปริมาณที่น้อยเกินไป จะส่งผลให้เลือดหยุดช้า

3 – อาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

วิตามินเคมีช่วยส่งเสริมการสร้างโปรตีนในเซลล์กระดูก อย่าง Osteocalcin ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูก และยังพบว่าวิตามินเคมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกสะโพกหัก (Hip fracture)

5 สัญญาณเตือนเมื่อร่างกายได้รับวิตามินเคไม่เพียงพอ

สัญญาณเตือนเมื่อร่างกายได้รับวิตามินเคไม่เพียงพอ

1 – เลือดกำเดาไหลบ่อย หรือ เมื่อเกิดบาดแผลเลือดจะไหลหยุดช้ามาก บางราย เลือดอาจไหลไม่หยุดเลย หรือ เลือดไหลออกมากเกินปกติ

2 – มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)

3 – เป็นตะคริวบ่อย ผิวซ้ำง่าย

4 – ปวดท้องประจำเดือนหนักมาก

5  – มีเลือดออกบริเวณเหงือกและตามไรฟัน

แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินเค (Vitamin k)

แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินเค

1 – ผักใบเขียวต่างๆ อาทิ ผักคะน้า ผักโขม บล็อกเคอรี่ และ ผักสลัด

2 – น้ำมันพืช / น้ำมันถั่วเหลือง

3 – เนื้อสัตว์ต่างๆ รวมถึง เครื่องในสัตว์เกือบทุกชนิด

4 – ชาเขียว

5 – ซีส

6 – ผลไม้ต่างๆ อาทิ แอ๊ฟเปิ้ลเขียว บลูเบอรี่ กีวี ลูกพรุน ทับทิม และ อะโวคาโด

ร่างกายควรได้รับ วิตามินเค (Vitamin k) ปริมาณเท่าไหร่ในแต่ล่ะวัน

  • ผู้ชาย ร่างกายควรได้รับวิตามินเค 120 ไมโครกรัม ต่อวัน
  • ผู้หญิง ร่างกายควรได้รับวิตามินเค 90 ไมโครกรัม ต่อวัน

รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเราขาด วิตามินเค (Vitamin k) ?

สังเกตได้จากสัญญาณเตือนเบื้องต้น อาทิ ห้ามเลือดยากเมื่อเกิดบาดแผล เป็นตระคิวบ่อย ผิวพกซ้ำง่ายแต่หายยาก  เลือดกำเดาไหลบ่อย อย่างไรก็ตาม หากเราไม่มั่นใจว่าร่างกายได้รับวิตามินเคเพียงพอหรือไม่ เราควรไปพบแพทย์  บางราย แพทย์อาจต้องทดสอบการแข็งตัวของเลือด โดยทำการทดสอบ Prothrombin time หรือ PT test (ตรวจเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด)  ระยะเวลาการแข็งตัวของเลือดสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดปริมาณวิตามินเคในร่างกายของเราได้

การรักษาบุคคลมีภาวะขาดวิตามินเค

phytonadione หรือ วิตามินเค1

แนวทางการรักษาผู้ที่ขาดวิตามินเค โดยทั่วไปจะมีการให้ทานอาหารเสริม  phytonadione หรือ Vitamin K1 บางรายอาจมีการฉีดวิตามินเสริมประเภทนี้เข้าไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ล่ะคน  ปริมาณการให้ phytonadione ก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ รวมถึง สภาพร่างกายของแต่ล่ะบุคคล โดยทั่วไป หากเป็นผู้ใหญ่มักจะให้อาหารเสริม phytonadione ในปริมาณ 1-10 มิลลิกรัม ต่อครั้ง

วิตามินเค เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อระบต่างๆในร่างกายของเราเป็นอย่างมาก การรับประทานอาหารที่ไม่หลากหลาย ครบตามหลักโภชนาการ เป็นสาเหตุสำคัญของการขาดวิตามินเค กลุ่มคนที่มักมีภาวะขาดวิตามินเค อาทิ คนที่ไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ รวมถึง คนที่ไม่ชอบทานผักผลไม้

ทิปส์ทำอย่างไรให้ร่างกายได้รับวิตามินนานาชนิดอย่างเพียงพอ

ควรทานผักและผลไม้ให้ครบทุกสี ตามหลักโภชนาการมีการแบ่งผลไม้ออกเป็น 5 สี คือ

1 – ผักผลไม้สีส้ม / เหลือง อาทิ ส้ม มะละกอ ข้าวโพด แครอท ฟักทอง

2 – ผักผลไม้สีม่วง อาทิ กระหล่ำปลีสีม่วง เผือก มันม่วง มะเขือม่วง

3 – ผักผลไม้สีเขียว อาทิ แตงกวา ผักโขม แอ๊ปเปิ้ลเขียว ผักบุ้ง

4 – ผักผลไม้สีขาว อาทิ น้อยหน่า มังคุด กล้วย

5- ผักผลไม้สีแดง อาทิ พริกแดง มะเขือเทศ แตงโม บีทรูท

ผักผลไม้ 5 สี

ควรทานผักผลไม้ให้ครบทุกสี สลับกันไป ในแต่วัน เพียงแค่นี้ร่างกายก็ได้รับวิตามินหลากหลายประเภทแล้ว แม้ร่างกายคนเรา ต้องการวิตามินในปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่วิตามินทุกชนิดล้วนจำเป็นต่อระบบต่างๆในร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ถ้าร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า ผิวพรรณโทรม เกิดริ้วรอยก่อนวัย และป่วยง่าย

เครดิตข้อมูล:

www.medicinenet.com

www.hsph.harvard.ed

www.medicalnewstoday.com

www.ro.com

www.pharmeasy.in

ชอบบทความนี้หรือเปล่าค่ะ?

คลิกที่รูปหัวใจเพื่อโหวต!

คะแนนเฉลี่ย / 5. คะแนนโหวต:

ยังไม่มีโหวต! โหวตเป็นคนแรก

คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ไหมค่ะ...

โปรดติดตามเราทางโซเซียลมีเดีย!

ขอโทษที่คุณไม่ชอบบทความนี้!

ให้เราพัฒนาบทความนี้ให้ดีขึ้น!

เราจะสามารถทำให้บทความนี้น่าสนใจอย่างไร?

Subscribe
Notify of
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 www.tipsfitness.net จำกัด
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x