Flexible diet คืออะไร? Flexible diet กินอย่างไร?
ใครที่กำลังมองหารูปไดเอทที่ไม่เคร่งจนเกินไป ไม่เซียส กินได้ทุกอย่าง ไม่มีข้อห้ามใดๆ เชิญทางนี้เลยคะ เรามีการกินอาหารแบบไม่เคร่งครัด ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนัก แถมยังช่วยส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วยนะ นั้นก็คือ Flexible diet การกินอาหารตามใจฉันแบบโนลิมิต Flexible diet กินอย่างไร? Flexible diet มีข้อดี และ ข้อเสียอย่างบ้าง?
เรามีรูปแบบการกินอาหาร หรือ การไดเอทมาแชร์กันอีกแล้วนะคะ คราวนี้ขอพูดถึง Flexible diet คุ้นกันไหมเอ่ย? Flexible diet คืออะไร? กินอย่างไร ดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ? ส่องทุกรายละเอียดของ Flexible diet แบบอัดแน่น
Flexible diet คือ?
Flexible diet คือ การกินอาหารแบบไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว ประมาณว่า “เรากำลังไดเอทอยู่ แต่ให้ความรู้สึกแบบไม่ได้ไอเดท” เพราะเราสามารถกินอาหารได้หลากหลายประเภท เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบไดเอทที่มีความยืดหยุ่นสูงมากๆ ไม่ต้องไปซีเรียสเลยนะว่า เมนูนี้คลีน หรือ ไม่คลีน กินอะไรได้บ้าง หรือ ไม่ควรกินอะไร Flexible diet เป็นการไดเอทแบบตามใจฉัน เราสามารถเลือกกินในสิ่งชอบ ตามเงื่อนไขที่เรากำหนดมันขึ้นมา ซึ่งการไดเอทแบบนี้จะทำให้เราเพลิดเพลินกับการกิน ไม่เครียด ส่งผลดีต่อเราในระยะยาว หลายคนอาจแย้งว่าถ้ากินได้ทุกอย่างตามใจฉัน Flexible diet ช่วยลดน้ำหนัก หรือ จะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างไร ในเมื่อฉันกินไม่เลือก? งั้นเราไปดูกันต่อเลยนะว่าเราจะปรับการไดเอทแบบ Flexible diet เพื่อสุขภาพ หรือ การลดน้ำหนักของเราได้อย่างไร เพราะทุกรูปแบบการกินแม้จะยืดหยุ่นมากขนาดไหน ก็ยังมีเงื่อนไขแฝงตามมาอยู่ดี
Flexible diet กินอย่างไร?
หลายคนสับสนระหว่าง Flexible diet กับ Flexitarian diet ซึ่งมันเป็นรูปแบบการกินที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยนะ Flexitarian diet เป็นอีกรูปแบบการไอเดทที่ดีต่อสุขภาพ และมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมากมาย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม Flexitarian diet มีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไรบ้าง?
Flexible dieting หลายคนเรียกว่า If It Fits Your Macros (IIFYM) สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ “การกินอาหารตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง” เราจะกินอาหารตามรูปร่าง น้ำหนัก รวมถึงกิจกรรมที่เราทำในแต่ล่ะวัน โดยเน้นให้ความสำคัญกับอาหารหลักในกลุ่มที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย นั้นก็คือ สารอาหารในกลุ่มแมคโครนิวเทรียนท์ (Macronutrients) ซึ่งประกอบไปด้วย โปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต กล่าวคือ ถ้าเป้าหมายของเราคือ การกินเพื่อสุขภาพ ก็เพียงแค่กินอาหารหลากหลาย ให้ครบหมู่ตามหลักโภชนาการ ถ้าเราต้องการลดน้ำหนัก เราจำเป็นต้องดูการใช้พลังงานในแต่ละวันของเรา อย่างเช่น ออกกำลังกายกี่ครั้งต่อสัปดาห์ รูปแบบของการออกกำลังกายหนักหรือเปล่า รวมถึงไลฟ์สไตล์ของเรา ดูว่าเราใช้พลังงานเยอะหรือไม่ แล้วคำนวณแคลอรีที่กินในแต่ล่ะวัน ซึ่งจะทำให้รู้ว่า เราควรกินโปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต เท่าไหร่ หลายคนอาจคิดว่า มันเป็นการไดเอทที่ดูยุ่งยากไม่น้อยเลย ถ้าจะต้องให้มานั่งคำนวณแคลอรี เราสามารถดาวน์โหลดแอพที่ช่วยนับแคลอรีมาใช้ หรือ อาจใช้วิธีนับแคลอรีแบบคร่าวๆตามปริมาณอาหารในจานของเรา
ถ้าเราต้องการสร้างกล้ามเนื้อ เพาะกาย ให้เน้นทาน โปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต เป็นหลัก แต่ถ้าเราอยากลดน้ำหนัก ให้ทาน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต น้อยลง โดยหันไปเพิ่มการทาน อาหารในกลุ่ม แร่ธาตุ และวิตามินนานาชนิด ทดแทน
สรุปแล้วไอเดียของ Flexible diet คือการกินอาหารที่เราชอบ ปริมาณการกินขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เราวางแผนไว้
เคล็ดลับการกินแบบ Flexible diet เพื่อลดน้ำหนัก
1 – ให้เริ่มจากการศึกษาข้อมูลด้านโภชนการ เช่น อาหาร 5 หมู่ มีอะไรบ้าง แต่ล่ะหมู่ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ที่สำคัญควรศึกษา สารอาหารในกลุ่ม Macronutrients ( Macronutrients คือ โปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต)
2 – ดื่มน้ำให้เพียงพอ ปริมาณแนะนำ อย่างน้อย 1.5 ลิตร ต่อวัน ขึ้นไป
3 – เน้นทานโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินนานาชนิด ลดปริมาณการทาน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตลง การจัดจานอาหารก่อนทาน ถือเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถคำนวณหาแคลอรี่แบบคร่าวๆได้
4 – ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นออกกำลังกาย รวมถึง แอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับสารอาหาร และ การคำนวณหาแคลอรี่
จะว่าไปแล้วการกินแบบ Flexible diet ดีต่อสุขภาพไม่น้อยเลยนะ เพราะไอเดียการกินคือ เน้นทานอาหารที่หลากหลาย สามารถกินได้ทุกอย่างแบบไม่มีลิมิต ทำให้เราไม่เครียด เพราะ ในลิสต์ของ Flexible diet ไม่มีอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือ อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพียงแต่เราต้องออกแบบการกินให้เหมาะสมกับตัวเรา และเป้าหมายที่เราวางไว้ Flexible diet เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ รวมถึง คนที่ต้องการลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เครียด
Flexible diet ดีอย่างไร?
1 – เราสามารถกินอาหารได้ตามใจชอบ เพราะไม่มี “อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ” หรือ “อาหารที่ดีต่อสุขภาพ”
2 – เราสามารถกินอาหารได้ทุกประเภท ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายในแต่ล่ะวัน
3 – เราสามารถกำหนดการกินอาหารได้เอง ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เราวางไว้
Flexible diet มีข้อเสียอย่างไร?
1 – เนื่องจากเป็นรูปแบบการไดเอทที่สามารถกินได้ทุกอย่าง อาจทำให้เราเผลอไปกินอาหารในกลุ่มที่ให้พลังงานสูง อย่าง คาร์โบไฮเดตรต และ ไขมัน ในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย
2 – ต้องคำนวณปริมาณการกินอาหารในกลุ่ม โปรตีน ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต คือ เราต้องกินแคลอรี่ให้เหมาะสมกับพลังงานที่ใช้ออกไปในแต่ละวัน จะเรียกได้ว่าเป็นการกินแบบ นับแคลอรี่ก็ได้ ซึ่งก็มีความยุ่งยากไม่น้อย หากต้องมานั่งนับแคลอรี่ทุกครั้งที่เรากินอาหาร
การไดเอททุกรูปแบบ มักจะมีเงื่อนไขต่างๆ แฝงมาด้วยเสมอ อย่างก็ตาม Flexible diet อาจเป็นหนึ่งทางเลือกการไดเอทของผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดี เพราะเราสามารถกินอาหารได้ครบทุกหมู่ตามหลักโภชนาการ และไม่มีข้อห้ามใดๆ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย เพียงแต่เราควรรู้ว่า กินอาหารประเภทใดได้เยอะ และ กินอาหารประเภทไดได้น้อย