Flexibility Exercise คือ? ฝึกอย่างไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?
มาลองบริหารร่างกายแบบ "Flexibility Exercise"เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัวให้กับร่างกายกันดีกว่า รู้ไหมว่ากล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ช่วยป้องกันอาการเมื้อยล้ากล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บบริเวณเส้นเอ็น Flexibility Exercise คือ?
Flexibility Exercise คือ อีกหนึ่งรูปแบบของการออกกำลังกาย ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยส่งเสริมให้กระดูกและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวได้คล่อง ทรงตัวได้ดีขึ้น Flexibility Exercise ถือเป็นการฝึกยืดกล้ามเนื้อ เพิ่มความอ่อนตัวให้กับร่างกาย ไปดูกันเลยว่า Flexibility Exercise มีท่าฝึกอะไรบ้าง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านใด
Flexibility Exercise มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
- ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวร่างกาย ลดอาการปวดตามบริเวณข้อต่อและเส้นเอ็น
- ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย ทำให้ไม่เดินเซ ไม่หกล้มง่าย
- ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก พร้อมเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงขึ้น
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
- ช่วยให้ระบบกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับจิตใจ
วีดีโอฝึก Flexibility Exercise
รูปแบบของการออกกำลังกายอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ (Flexibility)
1 – ฝึกไทชิ (Tai Chi) หรือ การรำไทเก๊ก
ไทเก๊ก คือการฝึกกำหนดลมหายใจ ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายแบบช้าๆ ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายก็มีหลากหลายท่าทาง ไทเก๊กเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ไม่ต้องแรงเยอะ ไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อมาก ไทเก๊กเป็นการร่ายรำ เคลื่อไหวร่างกายไปช้าๆ ไม่ทำให้เหนื่อยมาก แถมยังเป็นการออกกำลังกายที่สนุกเพลิดเพลินอีกด้วย การรำไทเก๊กเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุ การรำไทเก๊กเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เพิ่มความอ่อนตัว ยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้ปอดแข็งแรงขึ้น
2 – เล่นโยคะ (Yoga)
การฝึกโยคะเป็นประจำ ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง ยืดหยุ่นและความคล่องตัว ช่วยปรับท่าทางในการนั่ง ยืน และเคลื่อนไหวร่างกายให้ดูดีขึ้น หลายคนฝึกโยคะเพื่อบริหารข้อต่อ ป้องกันอาการบาดเจ็บ และปวดเมื้อยตามบริเวณข้อต่อและเส้นเอ็น โยคะถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ออกกำลังกายใดๆเลย
3 – พิลาทิส (Pilates)
พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณแกนกลางลำตัว (Core Muscle) มีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานแข็งแรง กระชับ ไม่หย่อนคล้อยง่าย การฝึกพิลาทิสถือเป็นการบริหารอุ้งเชิงกราน (Pelvic floor muscles) ไปในตัวเลยก็ว่าได้ การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณนี้เป็นประจำ จะช่วยทำให้เราสามารถกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้ช่องคลอดกระชับ คล้ายๆกับ Kegel exercise ซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยลดปัญหาช่องคลอดหย่อนยาน พิลาทิสยังเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มความเฟิร์มกระชับให้กับรูปร่างได้เป็นอย่างดี
Flexibility Exercise เป็นการบริหารร่างกายที่สำคัญมากๆเลยทีเดียว เพราะความอ่อนตัวของร่างกาย และ ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อมีผลต่อการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันของเรา อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ เมื้อยล้ากล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อต่างๆ
สำหรับสายฟิตเนส สายเพาะกาย กลุ่มที่ออกกำลังกายหนักๆ อย่าง ฝึกเวทเทรนนิ่ง เล่นบอดี้เวท (Body Weight) หรือ ฝึกคาร์ดิโอแบบเข้มข้น (Intense Cardio Workout) การยืดกล้ามเนื้อมีความสำคัญมากๆเลยนะ เพราะกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่น จะช่วยลดอาการบาดเจ็บในระหว่างออกกำลังหนักๆได้เป็นอย่างดี
การบริหารร่างกายแบบ Flexibility Exercise ก่อนออกกำลังกาย / หลังออกกำลังกาย ถือเป็นการ Warm up และ Cool down ร่างกายได้เป็นอย่างดี
ควรบริหารร่างกายแบบ Flexibility Exercise กี่ครั้งต่อสัปดาห์
จริงๆแล้วตรงนี้ไม่มีข้อจำกัดใดๆเลย สามารถทำได้ทุกวัน วันล่ะ 5-10 นาที ตามที่เราสะดวก เพราะ Flexibility Exercise เป็นรูปแบบของการออกกำลังกายที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่น ควบคู่กับความแข็งแรง (Strength) ความอึดทนให้กับร่างกาย สามารถเพิ่มระยะเวลาในการฝึก เช่น ฝึก 3-4 ครั้งต่อ สัปดาห์ ครั้งล่ะ 30-45 นาที ทั้งนี้สามารถฝึก Flexibility Exercise ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอื่นๆ เช่น ฝึกคู่กับ บอดี้เวท (Body Weight) หรือ คาร์ดิโอ (Cardio Workout) เป็นต้น