กินเวลาไหนไม่อ้วน? เพียงแค่เลือกช่วงเวลาการกินให้เหมาะสม น้ำหนักก็ลดได้แล้ว
รู้ไหมว่าช่วงเวลาการกินอาหารของเราเนี่ยมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดด้วยนะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการลดน้ำหนักของเราอย่างมากมายเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University ) เขาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับช่วงเวลาการกินอาหารมาแล้วนะว่า กินอาหารช่วงเวลาไหนบ้างจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างดี ไปดูกันเลยคะว่า “อยากลดน้ำหนัก กินเวลาไหนไม่อ้วน”?
การออกกำลังกายเป็นประจำมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การควบคุมอาหารช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่เราจะกินอย่างไง กินอะไรบ้าง และกินตอนไหนถึงจะไม่อ้วน? รู้ไหมคะว่าเพียงแค่จัดตารางการกินให้เหมาะสมก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว โดยที่ไม่ต้องอดอาหารแต่อย่างใดเลย พบกับทิปส์กินเวลาไหนไม่อ้วน?
อยากลดน้ำหนัก กินเวลาไหนไม่อ้วน?
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University ) เขาได้มีการศึกษาเกี่ยวกับช่วงเวลาของการกินอาหารที่เกี่ยวเนื่องกับการลดน้ำหนัก โดยมีข้อมูลระบุว่า แม้เราจะกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากแค่ไหน แต่หากเลือกช่วงเวลาการกินที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อการลดน้ำหนักของเราได้ เพราะช่วงเวลาการกินอาหารมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของเราเป็นอย่างมาก
ใครที่เคยพยายามลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ การกินอาหารตามช่วงเวลาอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้
กินตอนไหนช่วยลดน้ำหนักได้ ?
อาหารเช้า
อาหารมื้อแรกของวันมีความสำคัญมากๆเลยนะ เพราะจะช่วยให้เรามีแรง มีพละกำลังตลอดทั้งวัน นักโภชนาการแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องอดมื้อเช้าเพื่อลดน้ำหนักแต่อย่างใด เพียงแค่ให้เน้นทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนเป็นหลัก เพราะโปรตีนจะช่วยให้เราอิ่มนาน มีพลัง ไม่เหนื่อยล้า หิวโหย ถ้าอยากลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนให้หลีกเลี่ยงแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในมื้อเช้า และควรทานมื้อเช้าในช่วงเวลา 6.00 น. – 10.00 น. โมงเช้า มีข้อมูลระบุว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ทานมื้อเช้าสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้มากถึง 15 กิโลกรัม หากเทียบกับกลุ่มที่ไม่ทานมื้อเช้า
อาหารว่าง
หลังจากทานมื้อเช้าแล้ว เราควรปล่อยให้ท้องว่างประมาณ 2-4 ชั่วโมง เพราะโดยปกติร่างกายของเราจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการย่อยอาหาร ของว่างก็ควรเป็นผลไม้ประเภทปราศจากน้ำตาล หรือมีน้ำตาลน้อย อาทิ แตงโม ชมพู่ แอปเปิ้ลเขียว รวมถึงอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน อย่าง โยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมสด นมถั่วเหลือง สูตรปราศจากน้ำตาล รวมถึง ถั่วต่างๆ แต่ถ้าเราไม่หิว ไม่จำเป็นต้องทานของว่างแต่อย่างใดนะ
อาหารเที่ยง
มื้อเที่ยงควรทานก่อนเวลา 15.00 น เขาได้ทำการศึกษาเรื่องนี้มาแล้ว และมีการตีพิมพ์ไว้ในนิตยสาร American Journal of Clinical Nutrition มีข้อมูลระบุว่า มีผู้เข้าร่วมการวิจัย 300 คน เป็นกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนัก พบว่าการทานมื้อเที่ยงก่อน เวลา 15.00 น. มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีเลยทีเดียว
ของว่างยามบ่าย
ของว่างยามบ่ายควรทานหลังจากที่ทานมื้อเที่ยงแล้วประมาณ 2-4 ชั่วโมง สรุปแบบง่ายๆคือ ควรปล่อยให้ท้องว่างประมาณ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ก่อนทานของว่างใดๆ และของว่างควรเป็นอาหารประเภทถั่วต่างๆ สมูทตี้ผลไม้ หรือ สลัดผัก ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการลดน้ำหนักเร่งด่วนแค่ไหน ถ้าต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ควรเน้นทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เส้นใย รวมถึง แร่ธาตุวิตามินนานาชนิด ลดการทานแป้งและน้ำตาลลง สามารถทานได้นะ แต่ควรทานในปริมาณที่น้อยลง
อาหารเย็น
ควรทานอาหารเย็นก่อนเวลา 19.00 น. ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้ทำการวิจัยเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ทานมื้อเย็นก่อนเวลา 19.00 น. และกลุ่มที่ทานมื้อเย็นหลังเวลา 19.00 น. พบว่า กลุ่มที่ทานมื้อเย็นก่อนเวลา 19.00 น. สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าอีกกลุ่ม และควรปล่อยให้ท้องว่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
การกินอาหารตามช่วงเวลาอาจดูยุ่งยากสำหรับบางคน เพราะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการทำงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ในแต่ล่ะวัน แต่ถ้าเราฝึกเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเราก็จะเริ่มปรับตัวได้เองตามธรรมชาติ จนเกิดความเคยชินในที่สุด
ทิปส์ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน
หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้วว่า “การออกกำลังกายเป็นประจำมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้เพียง 20-30 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่การควบคุมอาหารช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ “ แต่รู้ไหมค่ะว่าการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบิร์นไขมัน การออกกำลังกายยังช่วยทำให้รูปร่างของเราเฟิร์มกระชับไม่หย่อนคล้อย เช่น การฝึกเวทเทรนนิ่ง หรือ บอดี้เวท เป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้เราลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
อยากลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ควรเน้นทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี เส้นใย รวมถึง วิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด ลดการทานแป้ง หวาน มัน เค็ม
ข้อมูลอ้างอิงช่วงเวลาของการกินอาหาร
www.womenshealthmag.com
www.timesofindia.indiatimes.com
