Flexitarian diet กินอย่างไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไรบ้าง?
สายไดเอทเชิญทางนี้เลยจ้า เพราะเรามีรูปแบบไดเอทเริ่ดๆมาฝากอีกแล้วนะ นั้นก็คือ Flexitarian diet มาดูกันเลยคะว่า Flexitarian diet กินอย่างไร กินอะไรได้บ้าง และ Flexitarian diet ช่วยลดน้ำหนักได้ดีไหม รวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆของการไดเอทแบบนี้ ใครที่ควบคุมอาหารมาหลายวิธีแล้วแต่ลดน้ำหนักยังไม่ได้ผลเลย มาลองไดเอทแบบ Flexitarian diet กันเถอะ
เคยได้ยินกันไหมกับรูปแบบไดเอทที่ว่า Flexitarian diet อีกหนึ่งวิธีการกินอาหารที่หลายคนการันตีว่ามันดีต่อสุขภาพไม่เบาเลยทีเดียวนะ แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมากมาย หลายคนเคยกินคลีน, ลดน้ำหนักแบบ Mediterranean Diet (เมดิเตอร์เรเนียนไดเอท) หรือ รูปแบบอื่นๆแต่ยังไม่ได้ผล ลองกินแบบ Flexitarian diet ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนะ Flexitarian diet กินอย่างไร ? ช่วยลดน้ำหนักได้ผลดีหรือไม่?
Flexitarian diet คืออะไร?
เอาแบบง่ายๆเลยนะ Flexitarian diet ก็คือการเน้นกินอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก (plant-based foods) คนที่กินมังสวิรัติอยู่แล้วเนี่ยสบายเลย หรือ ใครที่คิดว่าจะลองกินสวิรัติ การกินแบบนี้ช่วยได้เยอะมากๆ เพราะไม่เพียงแต่เน้นกินผลิตภัณฑ์จากพืชเท่านั้นนะ เรายังสามารถเลือกกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้ด้วย Flexitarian diet เป็นรูปแบบไดเอทที่มีความหยืดหยุ่นสูง เราไม่ต้องคุมอาหารแบบอดๆอยากๆ แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ
Flexitarian diet กินอย่างไร?
จุดเด่นของการกินแบบ Flexitarian diet คือ เราไม่ต้องไปนั่งนับแคลลอรี่ หรือ โฟกัสว่าต้องกินโปรตีนเท่าไหร่ คาร์โบไฮเดรตประมาณไหน ไม่จำเป็นต้องกินแต่พักผลไม้ เอาง่ายๆไม่มีกฎเหล็กตายตัว ซึ่งจะแตกต่างจากการกินแบบอื่นๆ เช่น การกินคลีน ใครที่มีประสบการณ์กินคลีน (clean Food) หรือ กินอาหารคีโต (ketogenic Diet) คงพอจะรู้ว่ามีข้อห้ามในการกินค่อนข้างจะเยอะอยู่เหมือนกัน
Flexitarian diet เน้นกินอะไร?
1 – Flexitarian diet จะเน้นกินอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก (plant-based foods) ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ รวมถึงธัญพืชต่างๆ แต่เรายังสามารถทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (animal product) ได้ แต่มีข้อแม้นิดหน่อยก็คือเราต้องกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในปริมาณเพียงเล็กน้อย เอาง่ายๆนะเราต้องกินพืชมากกว่าสัตว์ และข้อแม้อีกอย่างคือ ถ้ากินเนื้อสัตว์ควรเป็นส่วนที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้อแดง หรือ อกไก่ เป็นต้น
2 – เน้นกินโปรตีนที่มาจากพืช (plant-based protein) มากกว่าโปรตีนจากสัตว์ (animal-based Protein) โปรตีนที่มาจากพืชเช่น นมถั่วเหลือง นมข้าวโพด นมอัลมอนด์ รวมถึงถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ
3 – เน้นกินอาหารต้นทางเป็นหลัก อาหารต้นทางคืออะไร ? คืออาหารที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนหรือกระบวนการแปรรูป เช่น กินผักสด แทนการกินผักดอง กินปลาปิ้งสดๆทานกินปลากระป๋อง อาหารที่ผ่านการแปรรูปอื่นๆ เช่น แฮม ใส้กรอก ผลไม้ดอง เป็นต้น
4 – ลดการกินของหวานทุกอย่าง สามารถกินได้แต่ให้กินในปริมาณเพียงเล็กน้อย
การกินแบบ Flexitarian diet ช่วยลดน้ำหนักได้ไหม?
หากส่องจากรูปแบบการกินแล้ว ถือว่า Flexitarian diet เป็นรูปแบบการกินที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ดีเลยทีเดียว เพราะเราจะเน้นกินผลิตภัณฑ์จากพืชเป็นหลัก (plant-based foods) พืชอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร รวมถึงแร่ธาตุและวิตามินนานาชนิด เส้นใยอาหารช่วยให้อิ่มนาน ช่วยในกระบวนการขับถ่าย ร่างกายยังสามารถเผาผลาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์จากพืชส่วนใหญ่ยังปราศจากไขมันอีกด้วย
สำหรับผู้เริ่มต้นกิน Flexitarian diet หรือ อยากลองไอเอทแบบนี้ แต่ยังไม่มีไอเดียว่าจะเริ่มวางแผนการกินอย่างไร ขอแนะนำว่า มื้อเช้า และ มื้อเที่ยง สามารถกินเนื้อสัตว์ ปลา หรือ ไข่ (ผลิตภัณฑ์สัตว์) ได้ตามปกติ แต่ควรจัดสัดส่วนให้มีผักในปริมาณที่เยอะกว่า และมื้อเย็นให้งดกินผลิตภัณฑ์สัตว์ไปเลย ให้กินอาหารที่ทำจากผักต่างๆแทน ซึ่งการเริ่มต้นแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวได้เองตามธรรมชาติ เพราะหลายคนอาจชอบทานผลิตภัณฑ์สัตว์มากๆ ชนิดที่ว่ากินได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ
Flexitarian diet มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
ช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหัวใจ (heart disease) โรคเบาหวาน และช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะการกินแบบ Flexitarian diet จะเน้นกินพืชเป็นหลัก พืชอุดมไปด้วยไฟเบอร์ (fiber ) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ไฟเบอร์ยังช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลงอีกด้วย
Flexitarian diet เป็นรูปแบบการกินที่หลายคนบอกว่า ดีต่อสุขภาพมากๆ ไม่ต้องควบคุมอาหารหรือเคร่งครัดอะไรมากมากมาย สามารถทานได้หลากหลาย ทานได้ทุกอย่างตามต้องการ เพียงแค่ลดการทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ลงมา หลีกเลี่ยงการทานน้ำตาลและของหวานต่างๆ เน้นทานผักและอาหารต้นทางเป็นหลัก
หลายๆคนอาจแย้งว่ากินมังสวิรัติอยู่แล้ว แต่ทำไมยังอ้วน น้ำหนักไม่ลดสักที? นั้นอาจเป็นเพราะคุณกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินความต้องการของร่างกาย หรือ กินอาหารแปรรูปมากเกินไป ซึ่งลองปรับโดยการกินโปรตีนมากกว่าคาร์โบไฮเดรต เช่น ดื่มนมถั่วเหลือง และรับประทานอาหารที่ทำมาจากถั่วต่างๆ และเน้นกินอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป ควบคู่กับลดการกินหวานลงมาอีก