ออกกำลังกายแบบไหนผอมเร็วที่สุด เปิด 5 รูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมัน พร้อมวีดีโอฝึก
อยากรูปร่างสลิมฟิตแบบสุขภาพดี โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน หรือ อาหารเสริมใดๆกันไหมเอ่ย? รูปร่างเฟิร์มกระชับ ไม่หย่อนคล้อย สามารถปั้นได้ด้วยการออกกำลังกายนะ แล้วถ้าอยากลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนควรออกกำลังกายแบบไหนดี ออกกำลังกายแบบไหนผอมเร็วที่สุด? พบกับ 5 รูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยเบิร์นไขมันได้อย่างดีเวอร์ พร้อมวีดีโอเทรนง่ายๆ
เคยสงสัยกันไหมว่า การออกกำลังกายแบบไหนที่ช่วยเบิร์นไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถขจัดไขมันสะสมส่วนเกินได้อย่างมากมาย ส่งผลถึงรูปร่างที่สลิมฟิตได้รวดเร็วแบบสั่งได้ พบกับ “ออกกำลังกายแบบไหนผอมเร็วที่สุด พร้อมวีดีโอการออกกำลังกาย”
5 รูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1 – ปั่นจักรยาน
Burn Fat Fast: 20 Minute Bike Workout
ไม่ว่าจะปั่นจักรยานเรื่อยๆไปตามท้องถนน หรือปั่นในฟิตเนส ก็ถือเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อได้อย่างมากมาย เอื้อต่อการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน การปั่นจักรยานเป็นประจำ สัปดาห์ล่ะ 3-4 ครั้ง ยังช่วยสลายไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนะ เพื่อเพิ่มการเผาผลาญ ควรใช้เวลาปั่นอย่างน้อย 30 นาที ขึ้นไป การปั่นจักรยานไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
2 – เวทเทรนนิ่ง (Weight training)
NO REPEAT HIIT Workout with dumbbells
เวทเทรนนิ่ง (Weight training) เป็นรูปแบบของการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง หลายคนคิดว่าการเล่น Weight training เหมาะสำหรับนักเพาะกายเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เวทเทรนนิ่ง (Weight training) เป็นรูปแบบของการออกกำลังกายที่ช่วยสลายไขมันสะสมได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยทำให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ ไม่หย่อนคล้อย หากเป้าหมายอยู่ที่การสลายไขมันส่วนเกิน เพื่อรูปร่างกระชับ ควรเล่น Weight training สัปดาห์ล่ะ 1-2 ครั้ง ครั้งล่ะ 30-45 นาที ในช่วงแรกๆของการเล่นเวท น้ำหนักตัวอาจเพิ่มขึ้น แต่ไม่ต้องกังวล น้ำหนักจะค่อยๆลดลงทีหลังเอง
3 – การเดิน
FAST Walking in 30 minutes – Walking for weight loss
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพียงแค่เดินไปเรื่อยๆ เดินอย่างต่อเนื่องประมาณ วันล่ะ 50 -70 นาที 3 วันต่อ สัปดาห์ จะช่วยลดน้ำหนักได้เร็วมากๆ การเดินเป็นรูปแบบออกกำลังกายที่ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์เสริมใดๆ ไม่ต้องเสียเงินเป็นสมาชิกฟิตเนสแต่อย่างใดเลย เพียงแค่หาสถานที่เหมาะๆในการเดินเท่านั้นเอง อย่าง เดินเล่นในสวนสาธารณะวนไป สำหรับมือใหม่ อาจเริ่มจาก 30 นาที ต่อวัน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเดินเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการออกกำลังกายที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงขึ้น
4 – ว่ายน้ำ
Pool Cardio Workout for Weight Loss
ใครที่บอกว่าปั่นจักรยานไม่เอา เดินไม่ใช่แนว ส่วนเวทเทรนนิ่ง (Weight training) ก็ไม่มีอุปกรณ์หรอก ขอแนะนำให้ไปว่ายน้ำเลย การว่ายน้ำเป็นประจำสัปดาห์ล่ะ 2-3 ครั้ง ครั้งล่ะ 1 ชั่วโมง (ว่ายเป็นรอบๆแบบหยุดพักผ่อนระหว่างรอบ) จะช่วยสลายไขมันสะสมได้ดีเวอร์เลยนะ แถมยังได้บริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนแบบเต็มๆ ไหล่ก็จะผายดี ดูสตรอง หน้าท้องก็จะแบนราบ กล้ามเนื้อส่วนต่างๆก็จะแข็งแรงขึ้น หรือใครที่ไม่อยากว่ายน้ำ ลองคาร์ดิโอในน้ำดูก็ได้นะ
5 – Interval training
Advanced fat burning HIIT cardio workout
Interval training หรือ HIIT workout (High-Intensity Training) คือการออกกำลังกายแบบเข้มข้นนั้นเอง เหมาะกับสายแข็งที่ออกกำลังกายมาได้สักระยะแล้ว หรือ คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับผู้เริ่มต้นอาจเริ่ม HIIT workout แบบเบาๆก่อน แล้วค่อยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆที่ล่ะนิด วันล่ะหน่อย หลายคนอาจสงสัยว่าการฝึก Interval training เขาทำกันอย่างไง เอาง่ายๆเลยนะ คือการออกกำลังกายแบบเข้มข้น สลับกับการพักไปด้วย เช่น กระโดดตบต่อเนื่อง 30 วินาที พัก 10 วินาที หรือหากวิ่งบนลู่ไฟฟ้า ก็จะใช้วิธีการวิ่งเร็ว สลับกับการเดิน ประมาณนี้ ซึ่งการฝึก Interval training เทรนเนอร์มืออาชีพต่างมีความเห็นตรงกันว่าสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เยอะมากๆ เพียงแค่ทำ 25 – 30 นาที ก็เพียงพอแล้ว
ยังมีรูปแบบการออกกำลังกายอื่นๆที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการลดน้ำหนักที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วแบบสั่งได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ต้องทำควบคู่กับการเลือกรับประทานอาหารไปด้วย
ทิปส์ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และลดแบบถาวรไม่หิวโหย
1 – ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อหลัก โดยเน้นทานโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุนานาชนิด ลดปริมาณการทานแป้งและน้ำตาลลง
2 – ระหว่างมื้ออาหาร ควรเลือกทานเป็นถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ รวมถึง ผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ เพิ่มด้วยผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย อาหารประเภทนี้จะช่วยทำให้เราอิ่มนาน มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีพลังงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันสะสมได้เป็นอย่างดี
3 – ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันล่ะ 1.5 ลิตร ขึ้นไป
4 – ออกกำลังกายสัปดาห์ล่ะ 3-4 ครั้ง ครั้งล่ะอย่างน้อย 25 – 60 นาที (ขึ้นอยู่กับรูปแบบออกกำลังกายที่เราเลือก)
5 – นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างที่บอกไว้ กล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีพลังงาน มีส่วนต่อการเผาผลาญพลังงาน