ทำ ฟาสติ้ง – IF / Intermittent Fasting แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลดสักที

ควบคุมอาหารแบบ ฟาสติ้ง - IF หรือ Intermittent Fasting มาตั้งนาน แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลดสักที หรือ รูปร่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ว่า ฟาสติ้ง คืออะไร หากสรุปแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ การกำจัดช่วงเวลาที่กินอาหารได้นั้นเอง ซึ่งช่วงเวลาที่กินได้ก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการงดรับประทานอาหารกี่ชั่วโมง

ทำไมน้ำหนักไม่ลดสักที

ใครบ้างที่กำลัง ฟาสติ้ง หรือ ลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting มาสักพักแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ว่า ฟาสติ้ง คืออะไร หากสรุปแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ การกำจัดช่วงเวลาที่กินอาหารได้นั้นเอง ซึ่งช่วงเวลาที่กินได้ก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการงดรับประทานอาหารกี่ชั่วโมง  เช่นบางคนอดอาหาร 12 ชั่วโมง 16 ชั่วโมง หรือ 18 ชั่วโมง  ในช่วงที่อดอาหารสิ่งที่รับประทานได้ก็เป็นเพียงน้ำเปล่า ชา กาแฟ ที่ไม่เติมน้ำตาล ประมาณเนี่ย  แต่หลายคน Fasting มาก็นานพอสมควร แต่รูปร่างก็ยังคงเดิม ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆเลย หาก ฟาสติ้ง มาเกิน 1 เดือน ควรเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น บางคนอาจเปลี่ยนเยอะ บางคนอาจเปลี่ยนเพียงนิดเดียว แต่ถ้าใครรู้สึกว่า ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่อาจไม่ถูกต้องก็ได้

ทำไมน้ำหนักไม่ลดสักที

ทำไมลดน้ำหนักแบบ  Intermittent Fasting ไม่ได้สักที … อาจเป็นเพราะว่า

กินอาหารในสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม

Diet

หลายคนมองว่า ช่วงเวลาที่กินได้ ก็ควรกินทุกอย่างให้เต็มที่ เต็มอิ่ม เพื่อช่วงเวลาที่อดอาหารจะได้ไม่หิวโหย  โดยลืมไปว่า หากเราต้องการลดน้ำหนักส่วนเกิน อาหารที่เรารับประทานเข้าไป มีบทบาทมากถึง 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ หากต้องการควบคุมน้ำหนักเราควรเน้นรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน, เส้นใย,  วิตามิน, แร่ธาตุต่าง ๆ ไขมัน(ดี), โลว์คาร์บ ลดการรับประทานอาหารประเภทแป้ง หวาน และ มัน

สำหรับคนที่ ฟาสติ้ง มานานแล้ว แต่รูปร่างยังคงเดิม อาจเป็นเพราะว่าคุณทานแป้งมากเกินไปหรือเปล่า ลองพยายามลดการทานแป้งลงมาอีกดูนะ พึงจำไว้ว่า จะใช้วิธีไหนลดน้ำหนักก็ตาม อาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีบทบาทมาก ๆ หากยังทานแป้ง หวาน มัน เยอะเกินไป ต่อให้อดนานเป็น 20 ชั่วโมง ก็ยากที่จะลดน้ำหนักได้ เพราะปริมาณแคลอรี่ที่มากเกินไป ช่วงอดอาหารร่างกายของเราเบิร์นอย่างไงก็ไม่หมดแน่ ๆ

กินแคลอรี่น้อยเกินไป ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

Diet

บางคนกินแคลอรี่เยอะมาก ๆ ประมาณว่าช่วงที่กินได้เนี่ยเต็มที่กับปริมาณแคลอรี่แบบสุดๆ ในขณะที่บางคนกลัวการกินแคลอรี่จนจิตตก เคยได้ยินกันไหมว่า ร่างกายของเราต้องมีพลังงานที่เพียงพอเพื่อใช้ในการเบิร์นพลังงาน  โดยเฉลี่ยผู้ชายควรได้รับพลังงานวันละประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ ส่วนผู้หญิงต้องการปริมาณ 1,600 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน พยายามกินแคลอรี่ให้เพียงพอ กินไปเถอะ ไม่ต้องกลัวมาก หลักการง่ายๆคือ กินให้น้อยกว่าจำนวนที่ร่างการต้องการ หากกินมากกว่า จะกลายเป็นกินเยอะเกินไป ตัวอย่าง ร่างกายของผู้หญิง ต้องการ 1,600 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน หากต้องการควบคุมน้ำหนักควรกินประมาณ ไม่เกิน 1,200 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน สำหรับผู้ชายก็ใช้หลักการเดียวกัน

บางคนอาจชอบออกำลังกายเป็นประจำ แม้ว่าจะอยู่ช่วงควบคุมอาหารแบบ IF / Intermittent Fasting ก็ตาม สำหรับคนที่ออกกำลังกาย ย่อมต้องการปริมาณแคลอรี่ มากกว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว ดังนั้นต้องกินแคลอรี่ให้เพียงพอด้วย

หากเรากินแคลอรี่น้อยเกินไป กระบวนการเผาผลาญ หรือ เบิร์นพลังงานจะทำงานช้าลง ทำให้เบิร์นไขมันไม่ได้เต็มที่ เมื่อเบิร์นไขมันไม่ได้ เราก็ไม่ผอมลงเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะลดน้ำหนักรูปแบบไหนก็ตาม ทางสายกลางถือเป็นออฟชั่นดีที่สุด ควรรับประทานอาหารให้เหมาะสม ไม่มากเกินไป หรือ น้อยเกินไป แม้คุณจะควบคุมน้ำหนักแบบ ฟาสติ้ง – IF / Intermittent Fasting ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องควบคุมอาหารนะ

 

 

ชอบบทความนี้หรือเปล่าค่ะ?

คลิกที่รูปหัวใจเพื่อโหวต!

คะแนนเฉลี่ย / 5. คะแนนโหวต:

ยังไม่มีโหวต! โหวตเป็นคนแรก

คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ไหมค่ะ...

โปรดติดตามเราทางโซเซียลมีเดีย!

ขอโทษที่คุณไม่ชอบบทความนี้!

ให้เราพัฒนาบทความนี้ให้ดีขึ้น!

เราจะสามารถทำให้บทความนี้น่าสนใจอย่างไร?

Subscribe
Notify of
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 www.tipsfitness.net จำกัด
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x