เกมฟุตบอลในความทรงจำ การกลับสู่เกมแบบปาฏิหาริย์ในเวลา 10 นาที
ที่สุดแห่งเกมฟุตบอลมันๆในความทรงจำ การกลับสู่เกมแบบปาฏิหาริย์ในระยะเวลาสั้นๆ และ การทำแฮตทริกที่เร็วที่สุด ในโลกแห่งลูกหนังอะไรก็เกิดขึ้นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที แกรี่ ลินิเกอร์ (Gary Lineker) อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษ เคยกล่าวไว้ว่า เยอรมนี เป็นทีมที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ตลอดเวลา และบางครั้งพวกเขาไม่ต้องการเวลามากถึง 10 นาที หรอก
เยอรมนีตะวันตก พบ ฝรั่งเศส, 8 Temmuz 1982
ในโลกแห่งลูกหนังอะไรก็เกิดขึ้นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที แกรี่ ลินิเกอร์ (Gary Lineker) อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษ เคยกล่าวไว้ว่า เยอรมนี เป็นทีมที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ตลอดเวลา และบางครั้งพวกเขาไม่ต้องการเวลามากถึง 10 นาที หรอก หากย้อนกลับไปในปี 1982 เกมก่อนรองชนะเลิศระหว่าง ทีมชาติเยอรมนี พบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ตลอดทั้งเกม ทีมอินทรีเหล็กขึ้นนำ แต่ก็พลาดท่าในนาทีสุดท้ายโดนตีเสมอด้วยลูกจุดโทษของปลาตีนี (Platini) แม้เวลาจะหมดลงแต่เกมยังไม่จบ ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก
พอเริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษ ขุนพลตราไก่ก็เปิดเกมกระหน่ำยิงแบบไม่ยั้ง และสามารถพังประตูเพิ่มได้อีก 2 ลูก โดย Marius Trésor และ Alain Giresses เกมดำเนินไปจนถึงนาทีที่ 98 ฝรั่งเศสก็หนีห่างออกไปเรื่อย ๆ ในตอนนั้นพวกเขามั่นใจแล้วว่าอย่างไงก็แชมป์เห็น ๆ ในขณะที่แฟนบอลกำลังร้องเพลงฉลองชัยกันอย่างเพลิดเพลิน เผลอไปอีกที ในนาที ที่ 108 สอกอร์บอร์ดเปลี่ยนเป็น 3-3 ทันที ทำเอาแฟนบอลตราไก่ช็อคกันทั้งสนามกันเลยทีเดียว ช่วงต่อเวลาพิเศษจบลงด้วยผลเสมอ แต่ยังหาผู้ชนะไม่ได้ ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ ท้ายที่สุดเยอรมนีคว้าชัยไปครองได้สำเร็จ ถูกอย่างที่ แกรี่ ลินิเกอร์ (Gary Lineker) กล่าวไว้จริง ๆ
“กีฬาฟุตบอลมันไม่ซับซ้อนอะไรเลยนะ มันก็แค่เป็นเกมที่มีผู้เล่น 22 คน แย่งบอลกันไปมา ใช้เวลา 90 นาที และจบเกมด้วยชัยชนะของทีมเยอรมนีทุกครั้งแหล่ะ”
Gary Lineker”
ลิเวอร์พูล พบ อาเซน่อล, 28 สิงหาคม 1994
อย่างที่เราได้เกริ่นไว้ ในโลกแห่งลูกหนัง อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้ในเวลาเพียงแค่ 10 นาที และบางครั้ง 10 นาทีเนี่ยมันมากเกินไปเสียอีก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ( Robbie Fowler ) หัวหอกในตำนาน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว โดยเขาใช้เวลาเพียง 4 นาที กับอีก 33 วินาที กดประตูแฮตทริกเปลี่ยนเกมให้กับลิเวอร์พูล และเขาได้ขึ้นแท่นเป็นขวัญใจของสาวกเดอะค็อปในเวลาต่อมา ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กองหน้าวัย 19 ปี ในขณะนั้น ได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก โดย ฟาวเลอร์ คือคนที่ทำ “แฮตทริกที่เร็วที่สุด”
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ บาเยิร์น มิวนิค , 26 พฤษภาคม 1999
ย้อนกลับไปในปี 1999 เป็นเกมของ 2 ยักษ์ใหญ่ในศึกแชมเปียนส์ลีก ระหว่างยอดทีมจากเกาะอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นแมตช์ในความทรงจำของใคร หลายๆคน เกมดำเนินไปเพียงแค่ 6 นาที เท่านั้น แฟนบอลของปีศาจแดงที่กำลังนั่งชมเกมอยู่ในคัมป์ นู ต่างช็อคกันเป็นแถว เมื่อ Mario Basler ส่องซุปเปอร์ ฟรีคิก เข้าตุงตาข่าย ทีมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Alex Ferguson ) กำลังตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
เกมทำท่าว่าจะจบลง เสื้อใต้กำลังจะยัดเยียดความปราชัยครั้งยิ่งใหญ่ให้กับผีแดง แฟนบอลเสือใต้เริ่มฉลองชัย รอเพียงเสียงนกหวีดจาก ปีแอร์ลุยจี กอลลีนา (Pierluigi Collina) ผู้ตัดสินคนดัง เป่าปิดเกมเท่านั้น และแล้ว เท็ดดี้ เชอริงแฮม (Teddy Sheringham) และ เทพ ซุปเปอร์ซับ อูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ ( Ole Gunnar Solskjar) กดคนล่ะลูก ในเวลาเพียง 2 นาที ฝัง บาเยิร์น มิวนิค จมคาคัมป์ นู ในพริบตา ถือเป็นการกลับสู่เกมของผีแดงที่แฟนบอลหลายคนยังคงพูดถึง และแน่นอนที่สุดถือเป็นฝันร้ายของบาเยิร์น มิวนิค ที่พวกเขาไม่อาจจะลืมได้
ลิเวอร์พูล – เอชี มิลาน , 25 พฤษภาคม 2005
หากพูดถึงที่สุดแห่งการกลับสู่เกม ปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจลืมได้ในวงกลารลูกหนัง ต้องมีลิสต์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2005 ร่วมอยู่ด้วยเสมอ จบสกอร์ครึ่งแรก เอซีมิลาน ยอดทีมจากอิตาลี ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 3-0 สตีเวน เจอร์ราร์ด ( Steven Gerrard) กัปตันคนเก่งของหงส์แดงยังไม่หมดหวัง แม้กำลังเผชิญหน้ากับทีมที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีกองหลังที่แกร่งที่สุดนั้นขณะนั้น สตีวี่จีบอกลูกทีมว่า “15 นาทีของครึ่งหลังถ้าเราสามารถทำประตูได้ พวกเรามีโอกาสชนะได้เช่นกัน” ไม่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น แต่ เจอร์ราร์ด แสดงให้ลูกทีมได้เห็นว่าจุดเปลี่ยนมันเกิดขึ้นได้เสมอ เขาทำประตูตีไข่แตกได้แบบเหลือเชื่อ และ ลูกทีมของเขาก็สามารถทำประตูเพิ่มได้อีก 2 ประตู ในนาทีที่ 56 และ 60 ของเกม ทำให้เกมจบลงที่ผลเสมอ และต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ และปาฏิหาริย์ก็เข้าข้างลิเวอร์พูลในท้ายที่สุด แฟนบอลในสนามอตาเติร์ก อิสตันบูล ต่างก็ยกให้เกมนี้เป็นที่สุดแห่งเกมปาฏิหาริย์แห่งประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล
อิตาลี พบ ฝรั่งเศส, 9 กรกฎาคม 2006
หากพูดถึงเกมในความทรงจำ ในโลกแห่งวงการฟุตบอลแล้ว มันมีอะไรที่มากกว่า การพังประตู หรือ การป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู่ยิงประตูได้เท่านั้น ย้อนกลับไปในปี 2006 ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติอิตาลี พบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ระหว่างเกมการแข่งขันได้เกิดเหตุการณ์ซุปเปอร์ดราม่า ขึ้น เมื่อ ซีเนดีน ซีดาน (Zinédine Zidane) พลย์เมคเกอร์คนเก่งของทีมตาไก่ ใช้หัวโขกหน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี่ ปราการหลังของทีมชาติอิตาลี เกมการแข่งขันได้จบลงไปแล้ว แต่ยังมีคำถามตามว่า “ถ้า ซีดาน ไม่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ฝรั่งเศสจะมีโอกาสคว้าชัยชนะได้หรือเปล่า”?
เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม แน่นอนที่สุด การกระทำของซีดานไม่ใช่ตัวอย่างที่น่ายกย่อง แต่ความจริงที่ลบออกไปไม่ได้คือ ซีเนดีน ซีดาน เป็นนักฟุตที่เปี่ยมไปด้วยทักษะ และความมุ่งมั่น เขาคือนักฟุตบอลที่เก่ง และประสบความสำเร็จมาก ๆ เป็นฮีโร่ของใครหลายๆคน
เยอรมนี – บราซิล , 8 กรกฎาคม 2014
“10 นาที กับการเปลี่ยนเกม” มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ เหรอ? ย้อนกลับไปในปี 2014 ทีมชาติเยอรมนีทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้ประจักษ์แล้วว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
แฟนๆแซมบาต่างก็ตั้งตารอคอยเกมฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ทีมชาติบราซิลราชาลูกหนังโลก และ ทีมชาติเยอรมนี เกมดำเนินไปอย่างตื่นเต้นสมกับเป็นการเผชิญหน้ากันของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ ตัวแทนจาก 2 ทวีป ขุนพลอินทรีย์เหล็กเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำก่อน แต่แฟนบอลบราซิลไม่ยังหมดหวัง จนกระทั่ง เกมดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 26 มีโรสลัฟ โคลเซอ (Miroslav Klose), โทนี่ โครส (Toni Kroos) และ ซามี เคดีรา (Sami Khedira) ประสานพลังถลุงตาข่าย ฝังบราซิลชนิดที่ว่าตอกฝาโลงปิดมิดจมดินไปในพริบตา พวกเขา ใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาที ในการพัง 4 ประตู ทำให้ทีมอินทรีย์เหล็กขึ้นนำ 5-0 และเหลือเวลาการแข่งขันอีกถึง 60 นาที ซึ่งถือเป็น 60 นาทีบีบหัวใจและยาวนานที่สุดของแฟนแซมบา เทียบได้กับเหตุการณ์ที่ ทีมจอมโหดอุรุกวัย MARACANAZO เอาชนะบราซิลได้ที่มาราคาน่า ในศึกฟุตบอลโลกปี 1950