แนะนำสกินแคร์ปกป้องผิวจากฝุ่น PM 2.5 วันนี้
ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ มีค่ากินมาตรฐานขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้มข้นเท่าไหร่ ยิ่งทำร้ายผิวของเรามากขึ้น ปัญหาผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าน หมองคล้ำ ล้าโทรม ดูไร้ชีวิตชีวา ส่วนหนึ่งก็มาจาก ปัจจัยแวดล้อมภายนอก อย่าง ฝุ่นละอองในอากาศ แสงแดด และ สารพิษต่างๆ แบบนี้ต้องปกป้องผิวจากภายนอกด้วยสกินแคร์ ต้าน ฝุ่น PM 2.5 นะ
มลพิษรอบๆตัวเรา รวมถึงค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน มีผลต่อทั้งสุขภาพและผิวพรรณของเราแบบเลี่ยงไม่ได้ ฝุ่นละอองในอากาศมีส่วนทำให้ผิวของเราแห้งกร้าน หมองคล้ำ เกิดริ้วรอยก่อนวัย เป็นผดผื่น เกิดสิวอุดตัน รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆได้ง่าย เราจำเป็นต้องสร้างกำแพงให้หนาขึ้น เสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงเพื่อต่อสู่กับมลพิษในอากาศรอบๆตัวเรา สกินแคร์สูตรไหนที่ช่วยต้านมลพิษได้ (Anti-Pollution Skin Care) ? พบกับ “แนะนำสกินแคร์ปกป้องผิวจากฝุ่น PM 2.5 วันนี้”
แนะนำสกินแคร์ปกป้องผิวจากฝุ่น PM 2.5 / สกินแคร์ต้านมลพิษ
เพิ่มพลังปกป้องผิวจากมลพิษ ฝุ่นละอองในอากาศ ด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้
1 – วิตามิน C, A และ E
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อย่าง วิตามิน C, A และ E มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว ชะลอความเสื่อมของผิวหนัง ปกป้องผิวจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน (Collagen) เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อกระบวนการซ่อมแซม ฟื้นฟูเนื้อเยื่อในร่างกาย มีส่วนช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
2 – ไนอะซินาไมด์ หรือ วิตามินบี 3 (Niacinamide )
บอกเลยว่า ตอนนี้ Niacinamide เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมมากๆ เพราะถูกมองว่าเป็นสารบำรุงผิวที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ช่วยปลอบประโลมผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และยังช่วยปรับสมดุลต่อมไขมัน ยับยั้งไม่ให้ไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้น้ำมันในผิวมีความสมดุล อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ พร้อมลดเลือนจุดด่างดำ
3 – ถ่านกัมมันต์ / ชาร์โคล (Activated charcoal)
ถ่านชาร์โคลมักจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมสำคัญของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประเภท สครับ มาร์คหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เพราะมีคุณสมบัติช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินในผิว ชำระล้างสารพิษ และสิ่งสกปรกต่างๆที่ตกค้างในผิวได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำลายความสมดุลของผิวตามธรรมชาติ
4 – เกลือทะเล (Sea salt minerals)
เกลือทะเลอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด อาทิ แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม และ แมงกานีส มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิว อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงสารบำรุงผิวต่างๆให้กับร่างกายอีกด้วย
5 – เซราไมด์ (Ceramide)
เซราไมด์เป็นสารบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว จึงช่วยปกป้องผิวจากเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงสารพิษ สารเคมีอันตราย ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนัง ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน และ มีส่วนช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เคล็ดลับดูแลผิวประจำวัน พร้อมขั้นตอนทาครีมบำรุงผิวเพื่อปกป้องผิวจากมลภาวะ
1 – ล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน เช้า-เย็น
2 – บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ (เดย์ครีม / ไนท์ครีม ) ควรเลือกใช้สูตรที่มีส่วนผสมประเภทสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
3 – ทาครีมกันแดดทุกวัน
4 – ผลัดเซลล์ผิว 1-2 ครั้งต่อ อาทิตย์
5 – ทำทรีตเมนต์ผิว เดือนล่ะ 1 ครั้ง ( ชนิดของทรีตเมนต์มีผลต่อความถี่ของการทำทรีตเมนต์)
ประโยชน์ของการผลัดเซลล์ผิว
เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วหลุดออกไป พร้อมเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ลดปัญหาผิวล้าโทรม หมองคล้ำ
เพื่อลดการสะสมของสารพิษ และสิ่งสกปรกต่างๆในรูขุมขน ช่วยลดการเป็นสิว และสิวอุดตัน
เพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังดูดซึมสารบำรุงผิวได้ดีขึ้น ทำให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่ และ ล้ำลึกถึงระดับผิวชั้นใน
ประโยชน์ของการทำทรีตเมนต์ผิว
ทุกวันนี้การทำทรีตเมนต์ผิวได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นวิธีฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์ผิว โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแต่อย่างใด และยังมีขั้นตอนทำที่ง่าย ใช้เวลาไม่นาน สามารถเลือกทำทรีตเมนต์สำหรับปัญหาผิวของเราได้เฉพาะ อาทิ ทรีตเมนต์รักษาสิว ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ทรีตเมนต์ยกกระชับผิว และ ทรีตเมนต์ลดริ้วรอย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เพราะการทำทรีตเมนต์ จะใช้วิธีผลักสารบำรุงผิว หรือ วิตามินต่างๆ เข้าไปในผิวชั้นใน เพื่อฟื้นบำรุงในระดับเซลล์ผิวนั้นเอง อย่างไรก็ตามเราควรทำทรีตเมนต์ผิวกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ใช้สกินแคร์ต่อต้านมลพิษอย่างเดียวคงไม่พอแน่ๆ การรับประทานอาหารที่หลากหลายให้ครบตามหลักโภชนาการ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญช่วยเสริมให้สุขภาพและผิวพรรณของเราแข็งแรง สามารถต่อสู่กับปัจจัยแวดล้อมที่เป็นมลพิษได้
