Effective cough คือ? มาฝึกไอกันเถอะ
รู้ไหมทุกคนก่อนผ่าตัดใหญ่ แพทย์มักจะฝึกให้ผู้ป่วยไอ หรือ ฝึกการหายใจอยู่บ่อยครั้ง เพราะการไอ และ การหายใจที่ถูกต้อง มีส่วนช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณบาดแผล อีกทั้งยังช่วยขับเสมหะได้เป็นอย่างดี เคยได้ยิน Effective cough กันหรือเปล่าคะ Effective cough คือ?
![Effective cough คือ? มาฝึกไอกันเถอะ 1 Effective cough คือ](https://tipsfitness.net/wp-content/uploads/2023/04/Effective-cough-คือ.jpg)
Effective cough คือ การไออย่างมีประสิทธิภาพ “การไอย่างมีประสิทธิภาพ” ฝึกได้ด้วยเหรอ? เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ อาทิ ฝุ่นละออง ควัน รวมถึงมลภาวะในอากาศที่เป็นอันตราย กลไกร่างกายของเราจะพยายามขจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกมา การไอมีส่วนช่วยป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย อย่างไรก็ตามมีหลายสาเหตุที่ทำให้เราไอ เช่น เป็นโรคหอบหืด วัณโรค ไข้หวัด สูบบุหรี่ และโรคอื่นๆ ถ้ามีอาการไอติดต่อการหลายวัน หรือ 2-3 อาทิตย์ขึ้นไป ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะการไอเรื้อรังส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ ควรหาทางรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
Effective cough คือ?
Effective cough คือ การไออย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกไออย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยในการขับเสมหะที่ตกค้างอยู่ในท่อหลอดลมทางเดินหายใจใหญ่ออกมา
ทำไมต้องฝึก Effective cough (ไออย่างมีประสิทธิภาพ) ?
การฝึกไอ มีส่วนช่วยขจัดเสมหะได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดการสะเทือนบริเวณบาดแผล ทำให้แผลผ่าตัดเจ็บน้อยลง ก่อนผ่าตัดแพทย์มักจะมีการแนะนำให้ผู้ป่วยฝึกหายใจและฝึกไอ
วิธีฝึก Effective cough (ไออย่างมีประสิทธิภาพ) เพื่อกำจัดเสมหะ
- หายใจเข้าลึกๆ ผ่านจมูกเพื่อเพิ่มปริมาตรของปอด
- กลั้นหายใจเอาไว้ 3 วินาที ซึ่งเป็นช่วงที่ฝาปิดกล่องเสียงปิด และตามด้วยการหดตัวของกล้ามเนื้อหายใจออก ทำให้ความดันในทรวงอกสูงขึ้นอย่างมาก
- ช่วงที่ไอ เป็นช่วงที่ฝาปิดกล่องเสียงเปิดออกทันที่พร้อมๆ กับลมในปอดพุ่งออกมาอย่างแรงและเร็วเพื่อผลักดันเสมหะออกมา
วีดีโอฝึก Effective cough (ไออย่างมีประสิทธิภาพ) เพื่อกำจัดเสมหะ
Effective cough การฝึกไออย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนช่วยขับเสมหะ และลดอาการบาดเจ็บบริเวณแผลผ่าตัด
สาเหตุของการไอ
มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดการไอ เช่น สูบบุหรี่ เป็นวัณโรค เป็นหอบหืด ไข้หวัด รวมถึงเวลาที่ร่างกายได้รับเชื้อโรคต่างๆ
วิธีรักษาอาการไอเบื้องต้น
- หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณที่เต็มไปด้วยละออง หรือ ฝุ่นควัน งดสูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้กับคนที่สูบบุหรี่
- จิบน้ำบ่อยๆ ให้ชุ่มคอ เพื่อลดอาการคอแห้ง จะช่วยบรรเทาอาการไอได้
- อมยาอมแก้เจ็บคอ เพื่อลดอาการระคายเคืองคอ
- ดื่มชาสมุนไพร เช่น ชาขิงผสมน้ำผึ้งมะนาว เพื่อลดอาการระคายเคืองคอ และคอแห้ง
- ฉีดสเปรย์พ่นคอ ควรขอคำแนะนำจากเภสัชก่อนซื้อมาใช้
- เวลานอน ให้ใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นกว่าปกติ
ไอห้ามกินอะไร
- เครื่องดื่มประเภทหวานๆ เครื่องดื่มชูกำลัง และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มประเภทนี้จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลถึงอาการคอแห้ง ทำให้เจ็บคอและไอมากขึ้น
- ขนมหวาน และ ช็อกโกแลต อาหารในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยน้ำตาลที่สูงมากๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคืองคอได้
- ผลิตภัณฑ์นม เพราะอาจทำให้เสมหะมีมากขึ้น หรือมีความข้นเหนียวขึ้น
- อาหารทอดต่างๆ อาหารกลุ่มนี้มีไขมันสูงมาก อาจก่อให้เกิดการอักเสบได้
ไอกินอะไร
- น้ำผึ้งแท้: มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยทำให้ชุ่มคอ ส่วนใหญ่จะนำไปผสมกับชาสมุนไพร หรือ น้ำมะนาว
- สับปะรด: ในสับปะรดอุดมไปด้วยเอนไซม์บรอมีเลน ( Bromelain) มีคุณสมบัติช่วยละลายเสมหะ ลดอาการอักเสบระคายเคือง
- น้ำมะนาว: น้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง (Antioxidant) ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้เราหายจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น
- ขิง: น้ำขิงมีคุณสมบัติช่วยลดไอ เจ็บคอ แก้หวัด ขับเสมหะ การจิบชาขิงระหว่างวันจะช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น
- เมล็ดฟักทอง: อุดมไปด้วยธาตุสังกะสี มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อไวรัส ช่วยทำให้อาการไอ หรือ ไข้หวัดหายเร็วขึ้น
ไอแบบไหนต้องไปพบแพทย์?
ถ้าไอถี่ๆต่อเนื่องกัน เกิน 3 สัปดาห์ หรือ ไอแบบมีเสมหะสีเขียวปนเหลือง หรือ มีเลือดเจือปนออกมา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด ไม่ควรซื้ออาแก้ไขมากินเอง
การไอจะช่วยขับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย แต่ถ้าไอนานเกิน 2-3 สัปดาห์ ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย ถ้าไอเกิน 8 สัปดาห์ขึ้นไป จัดว่าเป็นอาการไอเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารหลากหลาย เน้นทานอาหารประเภทช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน อย่าง วิตามินจากผลไม้รสเปรี้ยว โปรตีนจากปลาทะเล และทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ อาทิ นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และ ยาคูลท์ อาหารกลุ่มนี้จะช่วยให้เราสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
อ้างอิง:
www.healthshots.com
www.healthline.com
www.si.mahidol.ac.th
www.recipes.timesofindia.com
www.pharmeasy.in