Passive exercise คืออะไร? ทำอย่างไรบ้าง พร้อมวีดีโอสาธิต
ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง รวมถึงผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้เอง เหมาะกับการออกกำลังกายแบบ Passive exercise เพราะมีส่วนช่วยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลดอาการบวม อาการปวดกล้ามเนื้อ Passive exercise คืออะไร?
![Passive exercise คืออะไร? ทำอย่างไรบ้าง พร้อมวีดีโอสาธิต 1 Passive exercise คืออะไร](https://tipsfitness.net/wp-content/uploads/2022/10/Passive-exercise-คืออะไร.jpg)
วันนี้เรามีรูปแบบการออกกำลังกายที่เรียกว่า Passive exercise มาแนะนำกันคะ Passive exercise คืออะไร? มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร เหมาะกับใคร และมีท่าฝึกอะไรบ้าง ไปดูกันเลยคะ
Passive exercise คือ?
Passive exercise คือการออกกำลังกายที่มีคนอื่นคอยช่วยเราเคลื่อไหวร่างกาย เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ รวมถึงข้อต่อ ไปยังทิศทางต่างๆ โดยที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับ Active Exercises โดยสิ้นเชิง Active Exercises คือการออกกำลังกายที่เราต้องเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตัวเอง
Passive exercise มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ROM (Passive range of motion exercises) คือ การเคลื่อนไหวร่างกายโดยอาศัยแรงจากภายนอกมากระทำ อธิบายแบบนี้หลายคนอาจจะงง สรุปแบบไม่ซับซ้อน ก็คือ เราจะอาศัยแรงจากอุปกรณ์ หรือ แรงจากผู้บำบัด มาทำให้ร่างกายบางส่วนของเราเคลื่อนไหว เช่น พยาบาลจับแขนผู้ป่วยให้เหยียดตรงไปข้างหน้า หรือ ด้านข้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหว
Passive exercise มีประโยชน์อย่างไร?
- ช่วยลดอาการปวดตามข้อต่างๆที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณขา และลดอาการบวมบริเวณข้อเท้า
- ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณต่างๆ อาทิ ข้อเท้า หัวเข่า กระดูกสันหลัง และสะโพก
- ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น ลดการเกิดแผลกดทับ ลดอาการปวดตามแขน ตามขา ตามกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ
- ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจ สุขภาพหัวใจที่ดีจะช่วยสูบฉีดเลือดเพื่อนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- มีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกายจากอาการเจ็บป่วย
Passive exercise เหมาะกับใคร?
Passive exercise เหมาะกับผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก (Hemiplegia) คือผู้ที่ไม่สามารถขยับแขนขาส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือข้างใดข้างหนึ่งของร่างกายได้ รวมถึงผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Spasticity) คือ อาการเกร็งกล้ามเนื้อที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท
ในกรณีนี้ ผู้ป่วยจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตัวเอง ผู้ที่ทำหน้าที่บำบัดจะคอยจับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อาทิ จับแขน หรือ จับข้อเท้าให้เคลื่อนไหวไปยังทิศทางที่ต้องการ
การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยกระตุ้นให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จะสามารถลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างสะดวก ระบบไหลเวียนเลือดที่ดี มีส่วนช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดการสูญเสียเลือดจากบาดแผล และยังช่วยยับยั้งสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
เมื่อมีการฝึก Passive exercise อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้ป่วยหลายประการในระยะยาว เพราะการฝึกแบบนี้ มีส่วนช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น ช่วยให้มัดกล้ามเนื้อผ่อนคลายและมีความยืดหยุ่น จึงช่วยลดอาการบวมและอาการปวดตามบริเวณต่างๆได้เป็นอย่างดี
แม้การฝึก Passive exercise อย่างต่อเนื่อง จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่ก็ควรได้รับการฝึกโดยผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้ หรือ ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว
ควรฝึก Passive exercise บ่อยแค่ไหน?
ผู้ป่วยที่ต้องบำบัดแบบ Passive exercise จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ เพราะสภาพร่างกาย และภาวะการเจ็บป่วยของแต่ล่ะคนแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปจะฝึก Passive exercise ประมาณ 2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ความนานในการฝึกแต่ล่ะครั้งจะขึ้นอยู่กับผู้ให้การบำบัด
ข้อเสียของการฝึก Passive exercise คือ
ถ้าฝึก Passive exercise แบบผิดวิธี อาจทำให้กล้ามเนื้อทำงานมากเกินไป หรือ กล้ามเนื้อยืดมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บตามบริเวณข้อต่อและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ หากเกิดอาการดังกล่าวระหว่างฝึกควรแจ้งผู้บำบัด หรือ ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
วีดีโอสาธิตการฝึก Passive exercise
ก่อนที่จะทำ Passive exercise เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอนะคะ
อ้างอิงบางส่วน
www.mobilitysolutions.co.za
www.flintrehab.com
www.publicdocuments.sth.nhs.uk