เด็ก และวัยรุ่นใช้สกินแคร์สูตรไหนดี?
อายุ 12 ปี เริ่มเป็นสิวแล้ว ทำไงดี จะใช้คลีนเซอร์สูตรไหนถึงจะเหมาะกับสภาพผิววัยนี้ ไปดูกันเลยคะว่า เด็ก และวัยรุ่นใช้สกินแคร์สูตรไหนดี ? รู้ไหมว่าส่วนผสมในสกินแคร์สำคัญมากๆ หากเลือกผิดสูตร อาจทำให้ ผิวของเราแพ้ เกิดอาการคันระคายเคือง รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆ
ใครบ้างที่ย่างเข้าวัย tween (อายุประมาณ 8 -12 ขวบ) รวมถึงวัยทีนทั้งหลาย ที่เริ่มอยากใช้สกินแคร์บำรุงผิว แต่ไม่มีไอเดียเลยว่า ควรเลือกสกินแคร์แบบไหนดี ส่วนผสมอะไรที่เหมาะกับสภาพผิวของวัย tween และ วัย teen อย่างเรา “เด็ก และวัยรุ่นใช้สกินแคร์สูตรไหนดี?” แนะนำสกินแคร์สำหรับวัย 8 – 19 ปี ช่วงวัยนี้ควรเลือกส่วนผสมแบบไหน?
เด็ก และวัยรุ่นใช้สกินแคร์สูตรไหนดี
1 – คลีนเซอร์ หรือ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ปัญหาผิว สำหรับวัย 8 -19 ปี คือ “ปัญหาสิว” หลายคนเป็นสิวครั้งแรกตอนอายุ 12 ปี เพราะช่วงนี้ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเดียวที่ทำให้เป็นสิว แต่ยังมีอีกหลายปัจจัย อย่างเช่น สารเคมีตกค้าง มลภาวะแวดล้อม กรรมพันธุ์ ความเครียด การอุดตันของเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้ว รวมถึงภาวะที่ร่างกายผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินกว่าปกติ อย่างไรก็ตามสเต็ปแรกของการลดสิวคือ การล้างหน้าให้สะอาด ความหมายของการล้างหน้าให้สะอาด ไม่ได้หมายความว่าต้องล้างบ่อยๆนะ แต่หมายถึง การล้างหน้าให้สะอาด วันล่ะ 2 ครั้ง เช้า / เย็น ซึ่งสเต็ปนี้เราควรมองหาคลีนเซอร์ หรือ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา
- คลีนเซอร์สำหรับผิวแห้ง (Dry Skin): ควรเลือกคลีนเซอร์สูตรน้ำนม หรือ คลีนเซอร์เนื้อครีม ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เพราะมีส่วนช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติให้แก่ผิว ทำให้ผิวไม่แห้ง
- คลีนเซอร์สำหรับผิวมัน (Oily Skin): ควรเลือกคลีนเซอร์เนื้อโฟมหรือเนื้อเจล ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือ กรดแลคติก (Lactic Acid) ประมาณ 0.5% พร้อมด้วยวิตามินเอ ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยขจัดสารพิษ และสิ่งสกปรกตกค้างในผิวได้อย่างสะอาดล้ำลึก
- คลีนเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin): ควรมองหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบ Micellar Water ที่มีส่วนผสมของน้ำบริสุทธิ์ (Purified Water) หรือ กลีเซอรีน (Glycerin) เพราะมีความอ่อนโยนต่อผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสมดุลผิวตามธรรมชาติ
คำแนะนำ: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารเคมี หรือ มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวแบบเข้มข้น เพราะผิววัยนี้บอบบางมากๆ หากไม่แน่ใจว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนจะซื้อสกินแคร์ใดๆมาใช้
2 – โทนเนอร์ (Toner)
วัยเด็กอาจไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ เพราะการล้างหน้าให้สะอาดก็เพียงพอแล้ว สำหรับวัยรุ่น ที่แต่งหน้าบ่อยๆ อาจต้องการโทนเนอร์เพื่อเพิ่มการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ควรมองหาโทนเนอร์สูตรอ่อนโยนปราศจากแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ อาทิ น้ำกุหลาบ หรือ สารสกัดจากชาเขียว และควรเป็นสูตรที่มีค่าpH เหมาะกับผิววัยรุ่น
3 – มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer)
มอยส์เจอไรเซอร์คือครีมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากมลภาวะแวดล้อมต่างๆ พร้อมเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมัน / ผิวแพ้ง่าย: ควรมองหามอยส์เจอไรเซอร์สูตรปราศจากน้ำมัน (Oil Free) เนื้อครีมบางเบา เพราะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีเนื้อสัมผัสเหนียวเหนอะหนะ
- มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับแห้ง/ ผิวผสม: ควรมองหามอยส์เจอไรเซอร์สูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เนื้อครีมแบบเข้มข้น หรือ มอยส์เจอไรเซอร์สูตรน้ำนม เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน
กรณีมีสภาพผิวที่เป็นสิวหนักมาก ไม่ควรซื้อครีมรักษาสิวมาใช้เอง เพราะส่วนใหญ่ครีมรักษาสิวมักจะมีส่วนผสมแบบ Active ingredients หรือ สารออกฤทธิ์แบบเข้มข้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผิวของเรา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณโดยตรง เพราะถ้าใช้สกินแคร์ผิดสูตร อาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง ผิวลอก หมองคล้ำ รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆ
ถ้าอยากมีผิวสุขภาพดี นอกจากการทำความสะอาดผิว ปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกต่างๆแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ “สารอาหารที่เราได้รับในแต่ล่ะวัน” ควรบำรุงผิวให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการกินอาหารหลากหลายประเภทให้ครบ 3 มื้อ ตามคำแนะนำของนักโภชนาการ นอนหลับพักผ่อน 8 -12 ชั่วโมง ควบคู่กับการทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ ทุกกิจกรรมที่เสียเหงื่อ อาทิ การออกกำลังกาย จะช่วยกระตุ้นให้ระบบเลือด ไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้สารอาหารถูกลำเลียงไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สารพิษต่างๆที่ตกค้างในรูขุมขนยังถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ มีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณแลดุกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ